ไข้เลือดออกกับอาการและระยะของโรคที่คุณควรรู้!
ไข้เลือดออก โรคที่หลายคนทราบกันดีว่าเป็นโรคที่มาพร้อมกับฝนและน้ำขัง เพราะนั่นถือเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างดีทีเดียว และตามข่าวการรายงานผลการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้เลือดออกก็สูงขึ้นจนน่าใจหาย โดยเฉพาะกับผู้ป่วยที่เป็นเด็กในวัยเพียงแค่ 6-12 ขวบ ถือเป็นวัยที่มีอัตราการเป็นโรคไข้เลือดออกมากเช่นกัน วันนี้เราได้นำสาระดีๆ เกี่ยวกับโรคไข้เลือดออกมาให้คุณได้ศึกษาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางป้องกันต่อไปได้มากขึ้น
อาการโรคไข้เลือดออก
สำหรับอาการของโรคไข้เลือดออกนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับโรคไข้หวัด ดังนั้น ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จึงไม่ค่อยสงสัยว่าตัวเองเป็นไข้เลือดออก แต่จะคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดาๆ เท่านั้นสำหรับอาการอื่นๆ ก็จะประกอบไปด้วยมีอาการอ่อนเพลีย มีอาการไข้ ซึม รับประทานอาหารไม่ได้ อาเจียร ปวดท้อง รู้สึกปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อจนถุงการมีอาการหนักจนเกิดภาวะช้อคและเสียชีวิตได้ หากแต่จะมีความแตกต่างอยู่บ้างนั่นก็คือ โรคไข้เลือดออก ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ที่สูงกว่าไข้ปกติ ซึ่งอาจมีไข้สูงกว่า 40 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว และจุดสังเกตอีกอย่างนั่นก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าแดง หากมีการทดสอบโดยการรัดต้นแขนของผู้ป่วยด้วยสายรัดจะพบว่ามีจุดเลือดออกมาด้วย
ระยะของโรคไข้เลือดออก แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 คือ อาการไข้เลือดออกระยะไข้สูง
สำหรับระยะนี้จะมีอาการไข้สูงลอย นั่นก็คือ มีอาการไข้สูง ต่อให้ทานยาลดไข้หรือเช็ดตัวอยู่บ่อยๆ ไข้ก็ยังลด โดยรวมแล้วจะเป็นอยู่ประมาณ 2-7 วัน แต่ก็อาจไม่เท่ากันเพราะขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละราย ในส่วนของเนื้อตัวและใบหน้าก็จะแดงกว่าปกติ จนบางคนมีอาการเยื่อบุตาอักเสบ หรืออาจมีผื่นขึ้น รวมทั้งมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง และมีเลือดออกตามผิวหนัง
ระยะที่ 2 คือ อาการไข้เลือดออกระยะวิกฤติ
หลังจากที่มีอาการไข้เลือดออกระยะไข้สูงแล้วนั้น ไข้ก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว และมีการรั่วของน้ำเหลืองออกนอกเส้นเลือด ในระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 24-48 ชั่วโมง หรือประมาณ 1-2 วัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละคน ในส่วนของความรุนแรงของโรคก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วยเช่นกัน ซึ่งในบางรายที่รุนแรงก็จะมีการรั่วของน้ำเหลืองออกมานอกเส้นเลือดเป็นจำนวนมาก
ระยะที่ 3 คือ อาการไข้เลือดออกระยะพักฟื้น
ในระยะนี้จะเป็นระยะที่มีการดูดกลับของน้ำเหลืองเข้าสู่กระแสเลือด และมีอาการโดยทั่วไปที่ถือว่าดีขึ้น สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น ในส่วนของชีพจรก็จะเต้นช้าลงจากวิกฤติที่มักจะเต้นเร็วกว่าปกติ ในบางรายอาจมีผื่นขึ้นตามตัว นั่นก็คือผื่นในระยะพักฟื้น และมีปัสสาวะออกมามากขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หลังจากที่ได้ทราบถึงสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก ไม่ว่าจะเป็นอาการหรือระยะการเกิดไข้เลือดออกที่แบ่งออกเป็นช่วงๆ ถือเป็นเนื้อหาดีๆ ที่ทำให้เราสามารถนำมาปรับใช้และดูแลสุขภาพตัวเองได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
วิธีป้องกันไข้เลือดออกเพื่อการมีสุขภาพที่ดี…อายุยืนยาว
ไข้เลือดออก โรคร้ายชนิดหนึ่งที่สร้างผลเสียมากมายจนน่ากลัว ถือเป็นโรคร้ายที่มีการระบาดหนักมาโดยตลอด แม้จะมาเป็นช่วงๆ ก็ตาม เมื่อผู้ป่วยเป็นไข้เลือดออก ความผิดปกติของร่างกายก็ค่อยๆ แสดงผลออกมาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีไข้สูง รวมทั้งบางรายอาจมีเลือดออกซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติจากร่างกายที่อยู่ในสภาพที่แข็งแรง วันนี้เราขอหยิบวิธีป้องกันไข้เลือดออกมาฝากทุกคนกันค่ะ เพื่อให้สามารถห่างไกลจากโรคร้ายชนิดนี้ไปได้ เอาเป็นว่าตามเราไปอ่านวิธีการป้องกันเหล่านั้นพร้อมๆ กันเลยดีกว่า ซึ่งวิธีการป้องกันนั้นก็จะมีการแบ่งออกเป็นส่วนๆ ดังนี้
การป้องกันทางกายภาพ
1.ปิดภาชนะที่เก็บน้ำด้วยฝาปิดที่มิดชิด ไม่ว่าจะเป็นตุ่มน้ำ ถังเก็บน้ำ หรือโอ่ง หากโอ่งที่ไม่มีฝาปิดแล้วไม่ได้ใช้งานก็แนะนำให้คล่ำลงเพื่อไม่ให้น้ำขังอยู่ในนั้น เพราะอาจเป็นจุดวางไข่ของยุงลายได้
2.ปล่อยปลาหางนกยูงลงไปในภาชนะใส่น้ำที่มีลูกน้ำประมาณ 3-5 ตัว เพราะวิธีนี้จะช่วยกำจัดการเจริญเติบโตและปริมาณของยุงลายให้เหลือลดน้อยลง
3.หมั่นเปลี่ยนน้ำในแจกันใส่ดอกไม้อยู่บ่อยๆ อย่างน้อยที่สุดเปลี่ยนทุกๆ 7 วัน
4.ใส่เกลือลงไปในจานรองตู้กับข้าวที่มีน้ำอยู่ เพื่อเป็นการควบคุมและกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยใส่เกลือประมาณ 2 ช้อนชา ต่อความจุ 250 มิลลิลิตร สามารถควบคุมลูกน้ำได้นานกว่า 7 วันเลยทีเดียว
การป้องกันทางเคมี
1.พ่นสารเคมีหรือยากันยุงเพื่อเป็นการกำจัดยุงที่มีอายุเต็มวัย เนื่องจากสารเคมีเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพสูงในการช่วยกำจัดยุง แต่อาจจะต้องเสียเงินมากไปหน่อยก็ถือว่าคุ้มกับการลงทุน สำหรับคำแนะนำก็ควรให้ผู้มีความเชี่ยวชาญช่วยในการฉีดพ่น และไม่ควรให้สมาชิกในครอบครัว รวมทั้งสัตว์เลี้ยงอยู่ในบริเวณที่ฉีดสารเคมีเหล่านั้นไป
2.เติมทรายที่มีฟอส เพราะเป็นสารเคมีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ อีกทั้งยังรับรองถึงความปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าภาชนะมีน้ำอันไหนที่ไม่สามารถใส่ลูกปลาเข้าไปได้ ก็สามารถเติมทรายชนิดนี้ลงไปแทนได้เลย
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีการป้องกันไข้เลือดออกที่ไม่ยุ่งยากและสามารถลงมือทำเองได้ ก็แนะนำให้ใช้วิธีเหล่านี้กันดูค่ะ เพราะนอกจากจะไม่ยุ่งยากแล้ว มันยังให้ผลลัพธ์ที่ดี และช่วยทำให้คุณพร้อมทั้งคนในครอบครัวห่างไกลจากโรคร้ายชนิดนี้ได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใส่ใจของคุณด้วยเช่นกัน เพราะเพียงการละเลยในการเปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้ ก็อาจทำให้ป่วยเป็นไข้เลือดออกได้เช่นกันค่ะ