เช็กอาการโรคซึมเศร้า!

โรคซึมเศร้า หนึ่งในโรคที่เกิดขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นหรือวัยทำงานเป็นอย่างมาก เนื่องจากโรคดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียด หรือความกังวลในหน้าที่การงานที่ทำมากจนเกินไป หรือบางครั้งอาจเกิดจากการทุ่มเทในหน้าที่การงาน จนไม่มีเวลาออกไปสังสรรค์หรือพบปะเพื่อนๆ เพื่อแลกความคิดของกันและกัน ส่วนผลกระทบของมันนั้น แน่นอนว่าจะคอยเป็นตัวถ่วงทำให้ชีวิตการทำงานของคุณยิ่งถอยลงนั่นเอง เอาเป็นว่าตามไปดูเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้าที่เรานำมาฝากกันในวันนี้พร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ

โรคซึมเศร้าคืออะไร

โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชที่พบได้บ่อยมากที่สุด ทั้งนี้ผู้ป่วยโรคดังกล่าวไม่ได้เป็นบ้าและไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรือไม่สมประกอบแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นคนที่มีอาการป่วยทางอารมณ์ ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่ต้องการการรักษา และควรให้การรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้อาการเริ่มแย่ลงนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในทางการแพทย์นั้น เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่มีชื่อว่าเซโรโทนิน มีปริมาณที่ลดลงจากเดิม จึงทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งทางร่างกาย จิตใจ รวมไปถึงความคิด ในกลุ่มผู้ป่วยโรคดังกล่าวจะมีความรู้สึกท้อแท้ เหงา รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขและความสนุกในการใช้ชีวิต นอนไม่หลับ เกิดอาการสะดุ้งตื่นในกลางดึก และฝันร้ายบ่อยๆ ซึ่งสาเหตุที่กระตุ้นทำให้เกิดอาการซึมนั้นก็มาจากปัจจัยทั้งด้านกรรมพันธุ์ พัฒนาการของจิตใจ และสิ่งแวดล้อมที่เผชิญในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเกิดจากการประสบกับความเครียด เจ็บป่วยเรื้อรัง และอื่นๆ เป็นต้น

อาการของโรคซึมเศร้า

1.มีอารมณ์ที่ซึมเศร้าอยู่ตลอดเวลา

2.ไม่มีความสนใจหรือตื่นเต้นในการทำกิจกรรมต่างๆ แต่กลับมีความรู้สึกว่าทุกกิจกรรมนั้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อไปหมด

3.ในบางรายอาจมีน้ำหนักที่ลดลงจากเดิม เพราะมีอาการเบื่ออาหาร แต่ในบางรายกลับมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจ เพราะกลายเป็นคนที่เจริญอาหารเป็นอย่างมากนั่นเอง

4.นอนไม่หลับ หรือบางครั้งก็หลับมากไปกว่าเดิม

5.มีความกระวนกระวายและอยู่ไม่เป็นสุข

6.มีอาการอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง

7.มักจะมีความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าหรือเป็นคนที่ไร้ตัวตนในสายตาผู้อื่น

8.ไม่ค่อยมีสมาธิ มักมีอาการใจลอย รวมทั้งมีความลังเลกับการตัดสินใจเกือบทุกเรื่อง

9.มักคิดแต่เรื่องความตาย มีความรู้สึกอยากจากโลกนี้อยู่บ่อยๆ

ใครที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการใดอาการหนึ่งตามที่เราได้บอกไว้ข้างต้น อย่าลืมหมั่นไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและแนวทางการรักษาโรค เพื่อที่จะทำให้คุณกลับมาอยู่ในสภาพที่อารมณ์และจิตใจอยู่ในสภาพที่ปกติเช่นเดิมนั่นเองค่ะ

วิธีป้องกันรักษาให้หายจากโรคซึมเศร้า

เรารู้กันดีว่าโรคซึมเศร้านั้นเป็นโรคทางจิตเวชที่คุกคามคนทั่วโลก และอาการของมันก็อาจรุนแรงไปถึงขั้นของการคิดฆ่าตัวตายเลยก็ว่าได้ ตามที่เราได้เห็นข่าวการฆ่าตัวตายในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงของการเรียนและการแข่งขันการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการ ก็ล้วนมีเหตุการณ์ฆ่าตัวตายมากมาย เพียงเพราะมีความกดดัน จนทำให้อารมณ์เริ่มเปลี่ยนไป และทำให้เข้าสู่อาการซึมเศร้าตามมา เราจะขอนำเนื้อหาที่เกี่ยวกับการป้องกัน รวมทั้งการรักษาโรคซึมเศร้ามาฝากกันค่ะ เพื่อที่เราสามารถดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีนั่นเอง 

วิธีการป้องกันโรคซึมเศร้า

1.ห้ามตั้งเป้าหมายในการทำงานที่ยากจนเกินไป หรือไม่เพียงพอต่อความสามารถหรือแรงกายของตัวเอง

2.แยกแยะปัญหาใหญ่ๆ ให้เป็นส่วนย่อยๆ เพื่อไม่ให้จิตใจรู้สึกว่ากำลังแบกรับปัญหาที่ใหญ่จนเกินไป

3.ไม่ควรบังคับตัวเองในการทำอะไรต่างๆ ที่หนักจนเกินไป เพราะอาจเป็นการเพิ่มความรู้สึกล้มเหลวได้

4.หมั่นทำกิจกรรมที่คอยทำให้จิตใจรู้สึกดีขึ้น ยิ่งทำยิ่งทำให้เกิดความเพลิดเพลิน

5.หลีกเลี่ยงการอยู่แต่เพียงลำพัง เพราะอาจทำให้คิดอะไรมากมายที่สามารถสร้างความกดดันได้

6.ไม่ควรตำหนิหรือลงโทษตัวเอง เมื่อไม่สามารถทำบางสิ่งให้เกิดผลสำเร็จได้ แต่ควรให้กำลังใจและให้โอกาสในการเริ่มต้นทำใหม่ได้เสมอ

7.หมั่นเข้าหาผู้คน หรือพยายามพบปะผู้คนมากมายที่รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ

วิธีรักษาโรคซึมเศร้าอย่างถูกต้อง

1.รักษาด้วยการใช้ยา

รักษาด้วยการใช้ยาแก้โรคซึมเศร้า ซึ่งมีอยู่หลากหลายชนิด ทั้งที่ทำให้ง่วงและไม่ง่วง ทั้งนี้ยาดังกล่าวไม่ทำให้เกิดการเสพติด อีกทั้งผู้ป่วยสามารถหยุดยาได้เมื่อหมดความจำเป็น ยาชนิดนี้จะออกฤทธิ์ค่อนข้างช้า และต้องรับประทานยาต่อเนื่องนานอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นถึงการแสดงออกของอารมณ์ที่แจ่มใสมากขึ้นกว่าเดิม และยังต้องใช้ยาประมาณ 4-6 สัปดาห์ ยาจึงจะออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่

2.รักษาด้วยการไม่ใช้ยา

ปลี่ยนความคิดเพื่อทำลายความเศร้าให้หมดไป แน่นอนว่าคนที่กำลังเศร้านั้น จะมองโลกในแง่ร้ายเกือบทุกเรื่อง เมื่อมีมุมมองต่อการมองสิ่งรอบตัวไปในทางลบ ก็ย่อมทำให้อาการซึมเศร้ามาแทนทีทันที ดังนั้นจึงต้องพยายามเปลี่ยนความคิดอยู่สม่ำเสมอ พยายามมองว่าทุกอย่างมีทางออกและมีเหตุผลในตัวมันเอง ที่สำคัญพยายามบอกตัวเองให้เข้าใจว่าทุกสิ่งมีมุมที่ดีซ่อนอยู่เสมอ เพียงแต่เราต้องค่อยๆ มองหา

สำหรับใครที่อยู่ในภาวะของการเป็นโรคซึมเศร้า ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และลองนำวิธีการรักษาเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ เชื่อว่ามันจะให้ผลดีกลับมาอย่างแน่นอน ส่วนใครที่กังวลว่าจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่านั้น ก็ควรที่จะป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นการดีที่สุด 

ดูข้อมูลสุขภาพเพิ่มเติมที่ Lazypig